การที่จะต้องรับผิดชอบ รับช่วงต่อบริษัทและทีมงานหลายคนของแบรนด์ที่อยู่มานานเป็น 10 ปี เป็นอะไรที่กดดันและท้าทาย และถ้าเมื่อได้ลงมือทำแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่และดีที่สุด ทำให้เรื่องราวของซีอีโอสาววัยรุ่น น่าสนใจและทำให้เราอยากไปทำความรู้จักมุมมองและไลฟ์สไตล์ของเธอคนนี้ คุณแพตตี้-ศศิบุษย์ มานะนาวิกผล

ให้คุณแพตแนะนำตัวหน่อยค่ะ
“สวัสดีค่ะ แพตตี้-ศศิบุษย์ มานะนาวิกผล อายุ 27 ปี เรียนจบปริญญาตรีจาก Monash University สาขา Architectural Design ที่ประเทศออสเตรเลีย และ ปริญญาโท Brunel University of London สาขา MSc Marketing แพตจบสถาปัตฯมา แต่พอกลับมาเราก็ต้องเรียนหลายๆ ด้าน เพราะที่ไทยกับที่ออสเตรเลียบางกฎมันก็ไม่เหมือนกัน แพตก็เลยไปหาความรู้อื่นๆ เพิ่มเติม แต่แล้วก็ตัดสินใจไปเรียนมาร์เกตติ้งต่อ แรงบันดาลใจจากธุรกิจของที่บ้านก็ส่วนหนึ่ง ที่บ้านไม่ได้กดดันนะคะ ว่าเราต้องมารับช่วงต่อหรือว่าอะไร แต่เราก็เก็บไปคิดเองว่าเราจะไปต่อทางไหนดี เลือกฉีกแนวไปมาร์เกตติ้งเลย เพราะถ้าเราตัดสินใจที่จะช่วยที่บ้านต่อก็จะได้มีความรู้ตรงนี้มา”
และได้ปรับตัวอย่างไรบ้างคะ
“ก็ยังได้อยู่นะคะ เพราะตอนไฮสคูลมีเรียนด้านนี้มาบ้าง พอเข้าปริญญาตรีถึงจะไม่ค่อยได้เกี่ยวกัน แต่มาร์เกตติ้งมันเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราพอๆ กับสถาปัตฯ อยู่แล้ว อย่างแค่ใช้โทรศัพท์เราก็เชื่อมโยงกับมาร์เกตติ้งแล้ว มันคือสิ่งที่อยู่กับเราตลอดเวลา แต่บางครั้งเราอาจจะไม่ได้สังเกตหรือมองลึกลงไปมากกว่าเท่านั้นเอง”

ตอนที่เรียนจบมา จริงๆ คุณแพตตั้งใจทำงานด้านไหนคะ
“ตอนเทอมสุดท้ายที่เรียนป.โท มันมีโควิดมาพอดีก็เลยรีบกลับไทย เพราะสภานการณ์ตอนนั้นมันก็น่ากลัวมาก ละก็จับผลัดจับผลูมาทำกับที่บ้านเลย เพราะช่วงนั้นมันหางานยากนะคะ เพราะโควิดและเศรษฐกิจอะไรหลายๆ อย่าง เลยคิดว่าทำกับที่บ้านน่าจะเหมาะสมด้วยอะไรหลายๆ อย่าง”
ทำงานตรงนี้มากี่ปีแล้วคะ
“ถ้าทำเต็มตัวก็เริ่มปีที่แล้วค่ะ ตำแหน่งตอนนี้ก็เป็น CEO (Chief Executive Officer) ดูแลแบรนด์ It’S SKIN และแบรนด์ mami ค่ะ แต่คุณแม่ก็ยังคอยประกบคอยช่วยเหลืออยู่นะคะ เพราะถ้าพูดถึงด้านประสบการณ์แพตอาจจะยังมีไม่เยอะ เพราะเราเพิ่งจบ และยังไม่ได้มีโอกาสลองไปทำงานจริงๆ มาเริ่มต้นกับธุรกิจที่บ้านเลย ก็ต้องมีคุณแม่คอยแนะนำ บอกทิศทางแนวทางว่าเราต้องเดินไปทางไหน”
It’S SKIN มีในไทยมากี่ปีแล้วคะ
“ปีนี้ปีที่ 11 แล้วค่ะ ส่วน mami ปีนี้ครบ 1 ปีค่ะ”
ได้นำสิ่งที่เอาที่เรียนมาปรับใช้กับธุรกิจอย่างไรบ้างคะ
“หลักการมาร์เกตติ้งหลายๆ ประเทศมันก็คล้ายกัน แต่ว่าก็ต้องเอามาปรับด้วยค่ะ เพราะว่าอย่างเราเรียนที่อังกฤษลูกค้าก็จะมีพฤติกรรมหรือการซื้อต่างกับบ้านเราหรือโซนเอเชีย แพตก็เอามาปรับจูนกัน ก็มีข้อถกเถียงกับคุณแม่บ้างในหลายๆ ด้าน เพราะมุมมองของเราอาจจะต่างกัน เค้ามากประสบการณ์กว่า แต่แพตจะซึมซับกับต่างชาติมากกว่า ก็ต้องปรับกันว่าตรงไหนที่มันเหมาะสมที่สุด ด้วยความที่แพตเป็นเด็กรุ่นใหม่ บางทีคุณแม่ก็จะให้เราลองทำเลย เพราะอยากได้ความคิดและเอเนอจี้ของคนรุ่นใหม่ ก็จะพยายามหาจุดกลางที่บาลานซ์กันได้”

คุณแม่เองทำธุรกิจความสวยความงามมานาน คุณแพตชอบหรือซึมซับกับตรงนี้มากน้อยแค่ไหนคะ
“มีนะคะ มันอยู่กับตัวเราตลอดเวลา จนเราไม่รู้ว่าชอบมันหรือเปล่า แต่เราอยู่ด้วยกับมันและทำมันได้ ก็เลยมองข้ามเรื่องความชอบหรือไม่ชอบไปแล้ว เราทำแล้วไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรค่ะ”
เราเริ่มทำงานตอนสถานการณ์โควิด กระแสตอบรับจากที่คุณแพตได้ลงมาดูด้วยตัวเองเป็นอย่างไรบ้างคะ
“พูดถึงสถานการณ์ทางการเงินลูกค้าของเราก็ยังไม่ได้ฟื้นตัว 100% เลยคิดว่าค่อนข้างยากนะคะ ตอนที่แพตมารับช่วงต่อจนถึงตอนนี้มันก็มีความยากมีความท้าทายนะคะ พยายามหาแนวทางที่เหมาะสม อย่างเช่นโควิดทุกคนหันมาใช้สื่อออนไลน์กันหมดเลย คือก่อนหน้านี้ลูกค้าจะมาหน้าร้าน เพราะเรามี BA คอยแนะนำ ลูกค้าก็จะอยากมาคุยอยากมาทดลองด้วยตัวเอง ส่วนออนไลน์เราจะสื่อสารยังไงให้ลูกค้าเข้าใจ อย่างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เราจะเลือกใช้คำยังไงให้ลูกค้าเข้าใจได้ในทันที ก็ค่อยๆ ปรับตัวแก้ไขกันไปในองค์กรค่ะ”

ครึ่งปีหลังนี้ทางคุณแพตมีการวางแผนการตลาดอย่างไรคะ
“จะมุ่งเน้นด้านออนไลน์มากขึ้น ตอนนี้ถึงบางท่านจะสะดวกมาที่สาขาบ้าง แต่ก็ส่วนมากที่ชินกับการช้อปปิ้งออนไลน์เราก็อยากมุ่งเน้นตรงนี้ด้วย ส่วนหน้าร้านเราก็มีการเทรน BA ก็มั่นใจว่าพนักงานของเราจะดูแลและแนะนำลูกค้าได้เป็นอย่างดี”
ถือว่าเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของแบรนด์ไหมคะ
“ใช่ค่ะ ก็ต้องปรับตัวและเรียนรู้ ก็มีไปลงคอร์สต่างๆ เพื่อหาประสบการณ์ทางด้านนี้มากขึ้น คุยกับเพื่อนๆ ในวงการนี้ว่าเค้าปรับตัวกันอย่างไร เค้าใช้สื่อออนไลน์กันแบบไหน เราก็แชร์ประสบการณ์ แชร์ไอเดียกันบ้างค่ะ”
แบรนด์ mami เปิดมาครบ 1 ปีแล้ว คุณแพตมีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นมากน้อยแค่ไหนคะ
“แพตมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นเลยค่ะ ไม่ว่าจะคิดสินค้า ไลน์ผลิตภัณฑ์ว่าเราจะเอาอันไหน หรือว่าสูตรไหน มีคุยกับโรงงานตั้งแต่ต้น แพตจะให้โจทย์กับโรงงานไปก่อนว่าเราอยากได้อะไร ละทางโรงงานไปพัฒนาสูตรให้ตรงกับสิ่งที่เราต้องการ ซึ่งมันไม่ใช่สูตรที่โรงงานมีหรือว่าซ้ำกับใคร แล้วก็ในส่วนของการออกแบบแพคเกจ”
คุณแพตคิดว่าแบรนด์ mami เติบโตมากน้อยแค่ไหนคะ
“ถ้าใน 1 ปี คิดว่าเติบโตขึ้นมาได้ดีเลยค่ะ คนรู้จักเยอะขึ้น แพตเข้าใจนะ เพราะเราแบรนด์ใหม่ก็จะมีข้อดี ข้อเสียของมัน เราต้องเปิดใจลูกค้าให้ได้ถ้าเค้ายังไม่มั่นใจว่าแบรนด์เราเป็นยังไง ความสนุกอีกอย่างของแพตคือเราต้องทำยังไงให้ผลิตภัณฑ์ของเราเวลาวางขายในร้านบิวตี้ต่างๆ แล้วลูกค้าสะดุดตาแล้วเลือกที่จะหยิบ หรือแวะดู เพราะแพตจบสถาปัตฯในด้านดีไซน์ แพตก็เลยคอนเนคกับสิ่งด้านดีไซน์มากกว่า เลยเอนจอยกับจุดนี้ค่ะ”

ช่วงนี้ทั้ง 2 แบรนด์ที่คุณแพตดูแลกิจกรรมการตลาดค่อนข้างเป็นที่น่าสนใจและเป็นกระแสมากเลย
“เพราะเรามีพรีเซ็นเตอร์ด้วย อย่าง It’S SKIN เป็น “มีน-ปิง” เป็นคนไทยคู่แรกที่ทางเกาหลีเค้าได้เลือกและอนุมัติให้เราได้ใช้ คือ It’S SKIN เราต้องตัดสินใจร่วมกับเกาหลี ส่วนของ mami เป็นของเราตัดสินใจได้ทั้งหมด ถ้าพูดถึงการเข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยทางแบรนด์ mami จะเข้าใจตรงจุดมากกว่า ส่วนของ It’S SKIN เราก็ต้องอธิบายเขียนรีพอร์ทให้เค้าไปพิจารณาต่อ มันมีหลายๆ จุดที่ทางเกาหลีอาจจะไม่เข้าใจกลุ่มผู้บริโภคฝั่งไทย ถึงแม้เราจะโซนแทบเอเชียเหมือนกัน แต่ก็มีเส้นบางๆ ที่อาจจะต่างกันอยู่บ้างค่ะ”
แปลว่าแผนการตลาดทั้ง 2 แบรนด์จะไม่เหมือนกัน
“ในหลักของ It’S SKIN ทางแพตจะมีคุยกับเกาหลีว่ามาร์เกตติ้งของฝั่งเค้าไปในทิศทางไหน ในส่วนของโกลบอลที่ It’S SKIN มีด้วยไปทางไหน เราก็พยายามแมทช์ให้ไปได้ในทิศทางเดียวกันค่ะ ทางนั้นโปรโมทเราโปรโมทมันก็จะอิมแพค และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนไทยเองก็อินกับกระแสทางฝั่งเกาหลีด้วย ส่วนของ mami ก็จะยากกว่าเพราะเราโซโล่เองหมดเลย ก็หาแนวทาง และศึกษาจากตลาดว่าเค้ามีแนวทางไปทางไหน อาจจะใช้เทคนิคและกรณีศึกษาของเค้ามาเรียนรู้กับตัวเรา”
2 แบรนด์ ทำงานยากง่ายต่างกันอย่างไรคะ
“2แบรนด์มันยากคนละแบบ เพราะอย่างที่บอก mami เป็นแบรนด์ใหม่เราจะปูทางยังไง แต่เราเข้าใจกลุ่มลูกค้าชาวไทย อยู่ที่ว่าเราจะเลือกใช้ทางไหน หรือวิธีไหนให้แบรนด์เราเติบโตขึ้น ของ It’S SKIN จะยากตรงที่เราจะก้าวข้ามผ่านความไม่เข้าใจของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้ยังไง แล้วเราจะหาจุดที่เหมาะสมของมาร์เกตติ้งแบรนด์ทั้งเกาหลี และโกบอลได้ยังไงให้ลงตัว และไม่ไปขัดแย้งกับมาร์เกตติ้งที่เค้าทำ”
คุณแพตดูมีเอเนอจี้ทำงานสูงมาก ปกติทำงานกี่วันต่อสัปดาห์คะ
“จริงๆ ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ค่ะ เสาร์-อาทิตย์ จะชอบมารีวิวหน้าร้านด้วยตัวเอง พนักงานสารมารถติดต่อแพตได้ตลอดเวลาค่ะ แต่พอวันหยุดแพตก็มีรีพอร์ทที่ต้องดู(หัวเราะ) แต่ถ้าว่างจริงๆ ก็ออกมาเดินห้างค่ะ มาดูว่าเพื่อนบ้านเราเป็นยังไงทำอะไรกันบ้าง ก็คือสำรวจตลาด แล้วก็ยังทำงานอยู่ดี แต่ถ้าพักผ่อนจริงๆ แพตชอบสะสมแผ่นเสียง ก็จะเปิดแผ่นเสียงฟังที่บ้าน หรือว่าไปเรคอร์ดสโตร์เดย์ที่เค้าจะรวบรวมร้านแผ่นเสียงมาไว้ที่เดียว แพตก็จะชอบไปหาแผ่นเสียง หาแผ่นที่เรายังไม่เคยมี หรือแผ่นที่หายากๆ เราก็ไปค้นๆ เราเอนจอยโมเม้นต์ตรงนั้น พอเจอมันก็เหมือนมิชชั่นคอมพลีทแล้วค่ะ (หัวเราะ)”
ต้องมารับตำแหน่งเป็น CEO ตั้งแต่อายุน้อยกดดันไหมคะ
“กดดันค่ะ กดดันในหลายๆ อย่าง ด้วยความที่เราอายุยังน้อย คนอาจจะมองว่าเราไม่มีประสบการณ์ ก็อย่างแรกที่ทำคือพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นในองค์กร ให้เค้ามั่นใจในตัวเราว่าเราทำได้ เราเรียนรู้มา หรือมีประสบการณ์จากที่คุณแม่ถ่ายทอดมา หรือเราไปหาไปเรียนรู้เพิ่ม หลังจากนั้นก็กดดันที่ว่าเราจะสามารถทำได้ตามที่เราไปสัญญาหรือบอกเค้าไว้ไหม ตัวแพตเองก็พยายามเต็มที่ที่จะทำออกมาให้ดีที่สุด แพตว่าแพตมีความอดทนสูงนะคะ เหมือนได้สกิลความอดทนนี้มาตั้งแต่เรียนสถาปัตฯ (หัวเราะ) และในด้านของการดีไซน์ การสื่อสารที่ผ่านการดีไซน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพคเก็จสินค้า อาร์ตเวิร์ก รูปภาพต่างๆ แพตค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองถนัด เพราะเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้มาทั้งตอนเรียนสถาปัตฯหรือตอนเรียนมาร์เกตติ้ง เราก็มาผสมผสานตรงนี้ประยุกต์ใช้สื่อสารออกไปได้ดี”

ตอนนี้มีสินค้าของทั้ง 2 แบรนด์มีกี่อย่างคะ
“It’S SKIN มีเยอะมาก แค่ไลน์เซรั่มก็มี 10 สูตรเข้าไปแล้ว มีไลน์ของเบสิคสกินแคร์ที่ดูแลครบ โฟม โทนเนอร์ เซรั่ม ครีม อายครีม ฯลฯ รวมๆ แล้วมีเป็นร้อยรายการเลยค่ะ ส่วน mami มีทั้งสกินแคร์และเมคอัพ ประมาณ 20 รายการได้ค่ะ ปีนี้ก็จะมีเพิ่มโปรดักซ์ใหม่ด้วย ตอนนี้เซรั่ม 3 สูตรทำออกมาขนาด 30ml เพราะเหมาะสมและคาดว่าจะใช้ได้หนึ่งเดือน เผื่อลูกค้าบางท่านไม่สะดวกซื้อ แต่ล่าสุดจะเพิ่มขนาด 15ml เพราะพอได้ลงสนามจริงๆ พบว่าลูกค้าชอบไซส์เล็กมากกว่า เพราะพกพาสะดวกกว่า เดี๋ยวอีกสักพักจะปล่อยออกมาค่ะ”
ปีนี้มีแพลนที่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอีกไหมคะ
“ในส่วนของ mami ช่วงปลายเดือน ก.ค. จะปล่อยตัวเซรั่ม 15ml ที่ว่าออกมา แล้วก็จะมีลิปสติกเวลเวทออกมา เพราะตอนนี้เรามีเป็นทินท์อยู่ ส่วนพรีเซ็นเตอร์ก็กำลังปรึกษากันว่าจะเลือกคนไหนเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่สำหรับลิปเรามี คุณบอส กับ คุณโนอึน เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่แล้วค่ะ”
สุดท้ายอยากให้คุณแพตฝากแบรนด์กับทุกคนหน่อยคะ
“แพตขอฝาก It’S SKIN และ mami ด้วยนะคะ ของ It’S SKIN สามารถมาซื้อได้ที่หน้าร้านทั้ง 7 สาขา และที่ KIS Beauty Store เมกาบางนา ที่นั่นก็ฟูลออฟชั่นเหมือนมาที่หน้าร้าน มีน้อง BA คอยบริการ และก็ช่องทางออนไลน์ต่างๆ Facebook Tiktok และ Line ในส่วนของเว็บไซด์ก็กำลังปรับปรุงโฉมใหม่อยู่ค่ะ ช้อปปิ้งออนไลน์ Shopee และ Lazada มีครบค่ะ ในส่วนของ mami ตอนนี้มี 3 สาขาคือ สยาม เซ็นทรัลพระราม 9 และ เซ็นทรัลลาดพร้าว รวมถึงออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มเช่นเดียวกันค่ะ